บริการของเรา

การทุจริตในบัญชีก่อสร้าง

เนื่องจากธุรกิจก่อสร้างมี การหมุนเวียนเงินลงทุนมีมูลค่าสูง ทั้งการจัดซื้อวัสดุ การจ้างผู้รับเหมาช่วง รวมไปถึงค่าแรงงานรายวันจำนวนมาก ธุรกิจประเภทนี้จึงมีความเสี่ยงสูงต่อ การทุจริต (Fraud) ไม่ว่าจะเป็นการเบิกค่าใช้จ่ายเกินจริง การปลอมเอกสารการเงิน การฮั้วประมูล หรือแม้กระทั่งการรั่วไหลของวัสดุ ที่เกิดจากการควบคุมภายในไม่เข้มงวด ปัญหาเหล่านี้ ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อผลกำไร แต่ยังบั่นทอน ความน่าเชื่อถือขององค์กร ในระยะยาว

การป้องกันทุจริต
ในธุรกิจก่อสร้างโดย
บริษัทบัญชี RA Accounting

ความเสี่ยงด้านทุจริตในธุรกิจก่อสร้าง

ธุรกิจก่อสร้างมีโครงสร้างการทำงานที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย ทั้งผู้รับเหมาหลัก ผู้รับเหมาช่วง ซัพพลายเออร์ และเจ้าของโครงการ ความซับซ้อนนี้เองที่เปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้ง่าย ตัวอย่างเช่น

  • การเบิกวัสดุเกินจริง: ซื้อวัสดุในปริมาณมากเกินความจำเป็น แล้วนำส่วนเกินไปใช้ส่วนตัว
  •  การปลอมเอกสารค่าใช้จ่าย: สร้างใบเสร็จเท็จเพื่อเบิกเงิน
  • การฮั้วประมูล: ผู้รับเหมาหลายรายร่วมมือกันกำหนดราคาเพื่อเอื้อประโยชน์บางฝ่าย
  • การรั่วไหลของต้นทุน: การขาดระบบติดตามต้นทุนจริง ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบงบประมาณที่รั่วไหลได้

การป้องกันปัญหาเหล่านี้จึงต้องอาศัยทั้ง ระบบบัญชีที่รัดกุม และ มาตรการควบคุมภายใน ซึ่งเป็นสิ่งที่ จำเป็น

แนวทางการวางระบบป้องกันทุจริตสำหรับธุรกิจก่อสร้าง

1. ระบบบัญชีและการเงินที่โปร่งใส

ควรวาง ผังบัญชี (Chart of Accounts) ที่แยกโครงการก่อสร้างแต่ละงานออกจากกันอย่างชัดเจน ทำให้สามารถตรวจสอบรายได้และค่าใช้จ่ายของแต่ละโครงการได้แบบโปร่งใส

  • การอนุมัติการเบิกจ่ายถูกกำหนดเป็น หลายขั้นตอน (Multi-level Approval) ลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจคนเดียว
  • มีการจัดทำ รายงานการเงินโครงการ (Project Financial Report) ที่อัปเดตตลอดเวลา เพื่อให้ผู้บริหารตรวจสอบได้ทันที

2. ใช้ซอฟต์แวร์บัญชีและระบบดิจิทัล

ในยุคดิจิทัล การทำบัญชีแบบเอกสารกระดาษเสี่ยงต่อการปลอมแปลงและแก้ไขข้อมูลย้อนหลัง แนะนำให้ใช้
ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) เพื่อลดข้อผิดพลาดและมี Audit Trail ติดตามการแก้ไขข้อมูล

  • ระบบ e-Approval สำหรับการอนุมัติค่าใช้จ่ายออนไลน์
  • การจัดเก็บเอกสารแบบ e-Document ลดโอกาสเอกสารสูญหายหรือถูกปลอมแปลง

3. ตรวจสอบต้นทุนและการเบิกจ่าย

ธุรกิจก่อสร้างมีต้นทุนจำนวนมาก ทั้งค่าแรงและวัสดุ ควรมีการวางระบบ เพื่อตรวจสอบต้นทุน อย่างเข้มงวด เช่น

  • ตรวจสอบ Bill of Quantity (BOQ) ว่าสอดคล้องกับการใช้งานจริง
  • จัดทำ รายงานเปรียบเทียบงบประมาณ (Budget vs Actual Report) เพื่อหาความผิดปกติทันที
  • กำหนด วงเงินอนุมัติ ตามตำแหน่งงาน เพื่อป้องกันการเบิกจ่ายเกินจำเป็น

4. ระบบตรวจสอบภายใน (Internal Audit)

ระบบตรวจสอบภายในที่เหมาะกับธุรกิจก่อสร้าง เช่น

  • ตรวจสอบแบบสุ่ม (Random Audit) ในการจัดซื้อและการเบิกวัสดุ
  • ตรวจสอบคู่ค้า (Supplier และ Subcontractor) เพื่อลดความเสี่ยงการฮั้วหรือทุจริต
  • จัดทำ นโยบายป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest Policy) เพื่อสร้างมาตรฐานองค์กร

5. การอบรมบุคลากรและสร้างวัฒนธรรมองค์กร

นอกจากระบบบัญชีแล้ว บริษัท ต้องเน้นการสร้าง วัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส

  • อบรมพนักงานด้าน จริยธรรมธุรกิจ (Business Ethics)
  • สร้างระบบ Whistleblowing ให้พนักงานแจ้งเบาะแสโดยไม่เปิดเผยตัวตน
  • ส่งเสริมธรรมาภิบาล (Corporate Governance) ในทุกระดับขององค์กร

ประโยชน์ที่ธุรกิจก่อสร้างได้รับจากระบบป้องกันทุจริต

เมื่อธุรกิจก่อสร้างมีระบบป้องกันทุจริตที่รัดกุม จะเกิดผลลัพธ์เชิงบวกหลายด้าน เช่น

  1. ลดความเสี่ยงด้านการเงิน: ลดการสูญเสียจากการเบิกจ่ายเกินจริงหรือการรั่วไหลของต้นทุน

  2. เพิ่มความน่าเชื่อถือ: ลูกค้า นักลงทุน และคู่ค้าจะมั่นใจในความโปร่งใส

  3. ปรับปรุงประสิทธิภาพ: ระบบที่ชัดเจนช่วยให้การทำงานเร็วขึ้น ลดความซ้ำซ้อน

  4. สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน: ธุรกิจที่โปร่งใสมีโอกาสได้รับโครงการขนาดใหญ่ และการสนับสนุน
    จากสถาบันการเงิน

สรุป

การป้องกันทุจริตในธุรกิจก่อสร้าง ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่คือการสร้าง ระบบควบคุมภายในที่แข็งแรง และวัฒนธรรมองค์กร ที่ยึดหลักโปร่งใส เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน